นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ระบุถึงผลการหารือกับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย และผู้แทนจาก กรมสุขอนามัยและการกักกันพืชและสัตว์ของไต้หวันในการเจรจาเพื่อขยายตลาดการส่งออกไข่ไก่สดไปยังไต้หวัน การเจรจาประสบผลสำเร็จส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกไข่ไก่สดไปยังไต้หวันได้เป็นครั้งแรก
กรมการค้าภายใน แจงประกาศขึ้นราคาไข่ไก่ 20 สต.เหมาะสมต้นทุน
ไต้หวัน อนุญาตให้ผู้หญิงฝึกทหารกองหนุนเป็นครั้งแรก คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อเจรจาหาช่องทางและโอกาสส่งออกสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการเจรจาระหว่างกรมปศุสัตว์ กับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย (Taipei Economic and Cultural Office in Thailand) และผู้แทนจาก กรมสุขอนามัยและการกักกันพืชและสัตว์ของไต้หวัน (Bureau of Animal and Plant Health Inspection and Quarantine – BAPHIQ) ที่ประสบผลสำเร็จไทยสามารถเปิดตลาดส่งออกไข่ไก่สดไปยังไต้หวันได้เป็นครั้งแรก
ขณะที่ ไข่ไก่สดของไทยควบคุมคุณภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่การผลิตให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์มมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) โรงฆ่าและโรงแปรรูปที่มีการปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี (Good Hygiene Practices: GHPs) และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points: HACCP) ซึ่งสอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายในประเทศ ตามระเบียบของประเทศคู่ค้าและตามหลักสากล
นอกจากนี้ ประเทศไทย รวมทั้งมีมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ไม่มีการแพร่ระบาดไข้หวัดนกในประเทศไทยมากกว่า 15 ปี ถือเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและไข่ ที่สามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพปลอดภัย และเป็นที่เชื่อมั่นของประเทศคู่ค้า ซึ่งผลสำเร็จจากการเจรจาเปิดตลาดนี้เป็นไปตามนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
รัฐบาลตามแนวทางของนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนปฏิรูประบบอาหารและเกษตรสู่ความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นสินค้าเกษตรและอาหารไทย ทำให้ผู้ผลิตและเกษตรกรไทย มีตลาดใหม่ๆ ในการส่งออกไข่ไก่สด เพิ่มเติมจากตลาดเดิม ที่ส่งออกไปยังฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นหลัก ซึ่งในปี 2565 สามารถส่งออกไข่ไก่ได้ 282 ล้านฟอง มูลค่า 1,238 ล้านบาท และยอดการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเจรจาเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ ทั้งนี้คาดว่าจะมีการเปิดตลาดของไข่สดอีกหลายประเทศ จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับการผลิตและการบริโภคให้ใกล้เคียงภาวะสมดุล